มนุษย์เราทุกท่านจะมีโต๊ะทำงานเป็นของตนเองสัก1ตัว วัยเด็กก็คือโต๊ะเรียน วัยทำงานแล้วก็เป็นโต๊ะทำงาน แต่ทราบไหมว่าการจัดโต๊ะทำงานของแต่ละคนแสดงถึงอุปนิสัยได้อีกด้วย

– คนที่โต๊ะทำงานรกยุ่งเหยิง โดยแท้จริงแล้วเขาคือคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบเลยนะ

คนที่มีโต๊ะทำงานที่รกไม่เป็นระเบียบมีของวางเต็มโต๊ะไปหมด กลายคือคนที่พอใจดำเนินการอะไรให้ได้เป็นผลดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด ในทางที่มิใช่0 ก็100ไปเลย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่แลดูในสิ่งที่ไม่สำคัญเลย ผลลัพธ์การค้นคว้าวิจัยเห็นว่าโต๊ะทำงานที่รกรุงรังกลับทำให้มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดสร้างสรรค์และไตร่ตรองวิเคราะห์ได้ดีอีกด้วย

– พอใจที่จะโยกย้ายหรือเปลี่ยนโต๊ะทำงานอยู่สม่ำเสมอ แสดงว่าท่านไม่ค่อยมีความพากเพียร

เหตุผลของการเคลื่อนย้ายเครื่องใช้บนโต๊ะทำงานมีอยู่2อย่าง คือ อย่างแรกตั้งใจจะจัดแจงโต๊ะให้สะดวกต่อการทำงาน อีกอย่างคือขี้เบื่ออยากเคลียร์อะไรไปเรื่อยเปื่อย

– โต๊ะทำงานเก็บซะเรียบแทบไม่ทำงานเกินระยะเวลา

เอกสารพร้อมกับวัสดุหลากหลายจัดวางอย่างเป็นระเบียบเข้าที่เข้าทางง่ายเมื่อจะหยิบใช้ ชี้ให้เห็นว่าเมื่อถึงระยะเวลาทำงาน มักจะทำงานเต็มกำลังและเร็ว แต่ทว่ามักจะไม่ชอบทำงานล่วงเวลาหรือว่าโอทีเลย

– บนโต๊ะทำงานใสสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย แสดงว่าท่านเป็นมนุษย์ละเอียดและขะมักเขม้น

การจัดโต๊ะทำงานให้สะอาดสะอ้านเรียบร้อยอยู่สม่ำเสมอนั้นไม่ง่ายเท่าใดนัก โดยเฉพาะกับการจัดการเอกสารและอุปกรณ์สิ่งของออฟฟิศต่างๆ คนกลุ่มนี้มีความสามารถในการทำการทำงานสูง

– โต๊ะทำงานที่มีแต่สิ่งของส่วนตัววางไว้กระจัดกระจาย มักจะเสียสมาธิออกนอกลู่ทางได้ง่ายๆ

แน่นอนอยู่ว่าทุกคนก็เก็บเครื่องใช้ประจำตัวบนโต๊ะทำงานนั้น แต่ถ้ามันมากเกินไปจนกระทั่งบนโต๊ะนั้นมีแต่อุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องการทำงานเลยแล้วล่ะก็แสดงว่าคุณสติไม่ค่อยอยู่กับตัว ลอยล่องได้ง่ายๆ บางครั้งก็ไม่ชอบที่จะยุ่งเกี่ยวกับใครด้วยซ้ำ

เทคนิคพิเศษ BCS ในการผ่าตัดแปลงเพศ    เป็นการพัฒนามาจากเทคนิคที่ 2 โดยจะมีรายละเอียดภายนอก และภายในมากขึ้น ดังนี้

ลักษณะบริเวณใต้ปากช่องคลอดเดิมจะเป็นสีของผิวหนัง แต่ด้วยเทคนิคใหม่ของ BCS สามารถทำให้บริเวณปากช่องคลอดเป็นเนื้อเยื่ออ่อนสีชมพู ทำให้มีลักษณะคล้ายกับปากช่องคลอดของจริงมากขึ้น

BCS สามารถใช้ทางเดินปัสสาวะส่วนหน้ามาต่อเป็นความลึกได้ จึงสามารถให้ความลึกของช่องคลอดเพิ่มมากขึ้นประมาณ 1-2 นิ้ว นอกจากนั้นยังมีความพิเศษ คือ ด้วยลักษณะปกติของทางเดินปัสสาวะส่วนหน้านั้นมีความลื่น ดังนั้นเมื่อนำมาทำเป็นช่องคลอดแล้วจะมีความลื่นของเนื้อเยื่ออ่อน จะทำให้การร่วมเพศง่ายขึ้นกว่าเทคนิคเดิม

เทคนิคใหม่มีการลดขนาดของเนื้อเยื่ออ่อนที่บริเวณใต้คลิตอริสให้มีขนาดแคบลง ทำให้ความห่างของด้านในของแคมในน้อยลง ทำให้มีลักษณะคล้ายแคมในของผู้หญิงมากยิ่งขึ้น

เทคนิคใหม่ใช้หนังอัณฑะมาต่อเพื่อเพิ่มความลึกโดยที่เก็บเส้นเลือดและเส้นประสาทบริเวณผิวหนังอัณฑะไว้ จึงทำให้ผนังของช่องคลอดด้านล่างมีความรู้สึกได้ จึงช่วยให้มีความรู้สึกดีขึ้นในการร่วมเพศ และสามารถช่วยให้ถึงจุดสุดยอดได้ง่านขึ้น

BCS ใช้เทคนิคพิเศษ สามารถทำในแคมในมีลักษณะที่เล็กและยาวจนมาถึงส่วนล่าง และทำให้ปกปิดปากช่องคลอดซึ่งเทคนิคแบบเดิมไม่สามารถทำได้ และด้วยแคมในมีลักษณะดังที่กล่าวมาสามารถยาวจนมาปิดด้านล่างปากช่องคลอดได้เกือบทั้งหมดทำให้มีลักษณะคล้ายเพศหญิงมาก และมีความสวยงามเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

BCS สามารถทำให้คลิตอริสมีรูปร่างกลมคล้ายเพศหญิง และยังมีส่วนล่างของคลิตอริสทำให้การรับความรู้สึกมีเพิ่มขึ้น และยังใช้เทคนิคพิเศษโดยการนำผนังด้านหลังของท่อปัสสาวะที่ต่อกับต่อมลูกหมากทำให้มีความรู้สึกดีขึ้น บริเวณด้านหน้าของช่องคลอดมีผลทำให้การร่วมเพศมีความรู้สึกดีขึ้น

หากจะพูดถึงชุดกิโมโนใครหลาย ๆ คน คงนึกถึงชุดประจำชาติของญี่ปุ่น ที่มีสีสันสดใส มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสวยงาม แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่าแท้จริงแล้วชุดกิโมโนนั้นสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท ตามการใช้งาน เช่น

กิโมโนแบบ furisode กิโมโนแขนยาว อย่างเป็นทางการ เหมาะสำหรับผู้หญิงโสด มักใช้ผ้าที่มีสีสัน ลวดลายสวยงามรูปแบบ มักจะสวมใส่ในพิธีฉลองอายุครบ 20 ปี

กิโมโนแบบ Houmongi เป็นกิโมโนที่สวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงโสดและแต่งงานแล้ว รวมถึงใช้เป็นชุดเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงานได้อีกด้วย

กิโมโนแบบIromuji เป็นชุดกิโมโนแบบมีสีเดียว (ส่วนมากมักเป็นสีเขียว) สามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงที่โสดและแต่งงานแล้ว รวมถึงใส่เพื่อเข้าร่วมพิธีชงชา หรือพิธีที่ต้องการความเงียบขรึม

กิโมโนแบบ Komon เป็นชุดกิโมโนขนาดเล็ก มักมีลวดลายที่ซ้ำ ๆ กันทั้งชุด เหมาะสำหรับการสวมใส่ในโอกาสทั่วไปหรือใส่เพื่อเดินเล่นรอบเมือง

กิโมโนแบบ Mofuku เป็นชุดกิโมโนที่ไว้สวมใส่ในงานไว้ทุกข์ของญาติในงานศพ เนื่องจากเป็นกิโมโนสีดำสนิท ถือเป็นชุดไว้ทุกข์อย่างเป็นทางการ

กิโมโนแบบTomesode ถือเป็นกิโมโนแบบทางการมีราคา มักสวมใส่โดยผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและมักใช้ในพิธีแต่งงาน

กิโมโนแบบ Kurotomesode เป็นกิโมโนสีดำ มีลวดลายเฉพาะส่วนด้านล่าง ถือเป็นกิโมโนแบบทางการ เหมาะสำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว หรือใส่โดยแม่ของเจ้าสาว และเจ้าบ่าว ในงานแต่งงาน

กิโมโนแบบ Tsukesageเป็นกิโมโนแบบกึ่งทางการ มักมีลวดลายจะอยู่ด้านล่าง และบริเวณแขนด้านหน้าและด้านบน เหมาะสำหรับสวมใส่ไปงานปาร์ตี้

กราฟฟิกดีไซน์ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ทเสมอไป ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่ากราฟฟิกดีไซน์มักจะทำในโลกอินเตอร์เน็ทเท่านั้น เช่น การออกแบบหน้าเว็บไซท์ให้สวยงาม ซึ่งเห็นได้ทั่วไปจนชินตา

การเป็นนักกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ที่ดีควรทำอย่างไร
คำถามนี้มักจะเกิดขึ้นในหัวของนักดีไซน์มือใหม่เสมอ
1. อย่ากังวลว่าผลงานตัวเองห่วย เพราะการที่คุณคิดว่าผลงานของคุณห่วย นั่นคือคุณได้ดึงเส้นด้ายจินตนาการของคุณขาดไปแล้ว
2. สร้างความมั่นใจในผลงานของตน คล้ายๆกับข้อที่หนึ่ง ดูเหมือนง่าย แต่ความจริงยากมาก เวลาคุณทำงาน อย่าสร้างความเครียดให้กับตนเอง แต่ให้คิดว่าคุณกำลังสนุกกับการทำงาน
3. ไม่ควรคิดหักโหมกับจินตนาการ เพราะงานดีไซน์ของคุณจะออกมาไม่ดี ควรไปพักผ่อนให้สมองผ่อนคลายลง เพราะงานดีไซน์ที่ดีไม่ได้มาจากกำลังสมอง แต่มาจากอารมณ์ของคนคิด ดังนั้นพักถ้าคุณคิดว่าไม่ไหว ลองดื่มน้ำเย็นๆสักแก้วแล้วนั่งฟังเพลงหรือดูทีวีก็ได้
4. จินตนาการอยู่ทุกที่ บางเวลาถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน ลองหลับตาแล้วฟังเสียงของสายลมดู ลองจินตนาการตามที่คุณได้เห็นภาพเมื่อคุณหลับตา แล้วลองคิดออกแบบตามหลักของนักดีไซน์เนอร์ดู บางทีผลงานขอบคุณออกมาอาจจะดีเกินที่คาดคิดไว้
5. ไม่ควรขี้เกียจ อันนี้สำคัญ เพราะนักดีไซน์เนอร์ส่วนใหญ่มักจะส่งงานให้เจ้านายหรือผู้รับจ้างล่าช้าเสมอบ้างก็อ้างว่า คิดงานไม่ออก หรือไม่ก็ งานเยอะ พอไปดูเบื้องหลังกลับเห็นนั่งเล่นเกมส์ หรือไม่ก็ดูภาพยนต์ ลองปรับพฤติกรรมเล็กน้อยในชีวิตประจำวันดู
6. สมุดพก จะสมุดอะไรก็ได้ มีเส้นหรือไม่มีก็ได้ แต่ขอให้พกติดตัว เวลาคุณคิดอะไรได้ขึ้นมา หรือนั่งเหม่อลอยอยู่จู่ๆก็มีความคิดพุ่งขึ้นมาแล้วคุณคิดว่าควรเก็บไว้ จดมันลงในสมุดนั้นเลย บางทีคุณอาจจะได้ใช้มันในอนาคต

อาชีพ กราฟิกดีไซน์ เป็นอาชีพที่ถือกำเนิดขึ้นมานานไม่ต่างกับอาชีพอื่นๆเลย และถ้ามองย้อนกลับไปในอดีตแล้วคงพูดได้เลยว่าเครื่องในการออกแบบต่างๆคงยังไม่ครบครันเท่ายุคปัจจุบัน และเวลาจะหาดูงานต่างๆหรือดู reference ก็แทบไม่มีเพราะในสมัยก่อนนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายเหมือนตอนนี้ แต่นักออกแบบหรือการฟิกดีไซน์เมื่อก่อนเค้าออกแบบกันยังไง วิธีการจะยากกว่าสมัยนี้รึเปล่า วันนี้เราจะพาทุกคนไปไขคำตอบด้วยกันว่า กราฟิกดีไซน์ รุ่นใหม่ vs รุ่นเก๋า ยุคไหนจะเจ๋งกว่ากัน
ยกที่ 1 คอมพิวเตอร์

สำหรับรุ่นเก๋าคงจะคุ้นเคยกับ Original Macintosh กันเป็นอย่างดีแน่นอน พอได้ดูสเปกแล้วแทบตกใจว่าทำไมเครื่องถึงได้อืดขนาดนี้แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจ้าเครื่องนี้แหละเทพที่สุด แล้วลองดูสมัยนี้สิ Macbook ตัวล่าสุดอย่าได้พูดถึงเลยความแรงความเร็วความคมของภาพกิจขาดมากๆ

การค้นหาข้อมูลกราฟิกดีไซน์ในยุคปัจจุบันแค่คลิกเมาส์นิดนึงก็เจอข้อมูลหรืองานต่างๆเจอแล้ว แตกต่างจากกราฟิกดีไซน์ยุคเก๋าที่จะทำโปรเจคใหม่ก็ต้องวิ่งเข้าห้องสมุดหรือไปซื้อหนังสือรวมงานออกแบบแรงบันดาลใจมาเก็บเอาไว้อ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้ซึ่งทำให้ต้นทุนของอาชีพนักออกแบบในสมัยก่อนถือว่าสูงมากกว่าสมัยนี้ แต่ข้อดีข้อเสียก็มีแตกต่างกันไประหว่างการหาหนังสือมาอ่านกับหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต

ข้อดีของหนังสือ : หนังสือราคาแพงแต่สามารถให้ข้อมูลที่ดีและครบถ้วน , นำไปอ่านได้ทุกที่
ข้อเสียของหนังสือ : ยากต่อการค้นหาจากสิ่งที่เราต้องการ , ข้อมูลไม่ค่อยอัพเดท , มีน้ำหนักมาก

ข้อดีของอินเตอร์เน็ต : สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว ข้อมูลมีการอัพเดทตลอด อย่างเช่นเว็บไซต์ www.grappik.com เป็นต้น (ขายของหน่อย) , สามารถเรียนหรือศึกษาหาความรู้ตอนไหนก็ได้
ข้อเสียของอินเตอร์เน็ต : นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลอย่างเดียวไม่ดีต่อสุขภาพ , ต้องการการเชื่อมต่อตลอดเวลาถ้าจุดไหนไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ก็จบ

การจัด Layout จะออกแบบทั้งทีไม่มี Grid มาช่วยนี่ทำให้งานเละได้เลย สมัยรี้แค่กด Ctrl + r เครื่องมือ Grid ก็ออกมาช่วยเหลือเราได้แล้ว แต่เมื่อก่อน กราฟิกดีไซน์ ยุคเก๋าไม่มีเครื่องมีนี้ให้ใช้มีแต่ไม้ T-Square เอาไว้ตีเส้นวัดระยะแต่งานก็ยังออกมาเนี๊ยบอยู่ต้องขอคาราวะจริงๆครับ

การใช้ Font จะหาฟ้อนต์มาออกแบบโปสเตอร์หรืองานต่างๆสมัยนี้ง่ายๆแค่เข้า google แล้วนำมากด install ลงเครื่องก็เสร็จแล้ว แถมยังมีให้เลือกอีกเป็นร้อยเป็นพันฟ้อนต์ แต่เมื่อก่อนกว่ากราฟิกดีไซน์ยุคเก๋าจะออกแบบงานแต่ละงานให้เสร็จได้นั้นต้องเลือกฟ้อนต์อย่างพิธีพิถันเพราะไม่สามารถลบแล้วพิมพ์ใหม่ได้เรื่อย เพราะการทำผิด 1 ครั้งเทียบกับเงินที่เสียไปตลอด โดยเทคนิคการพิมพ์ฟ้อนต์ในงานออกแบบเมื่อก่อนนั้นจะใช้เทคนิค Letterpress เห็นรึเปล่าว่ากว่าจะได้งานดีๆหนึ่งงานมันยากมาก

Colour Schemes ถ้าสมัยนี้ไม่มี Adobe เข้ามาช่วยในงานออกแบบการเลือกสีมาใช้งานเป็นคงเป็นเรื่องที่หน้าปวดหัวหน้าดูเลยครับ เพราะคงต้องมานั่งสร้าง Colour Schemes เองและยังต้องมี Pantone Marker Pen ติดตัวเอาไว้อีกด้วย สำหรับใครที่อยากรู้เรื่อง Colour Schemes ให้มากกว่านี้ตามมาอ่านกันได้ ที่นี่

ถ่ายรูปปฏิเศษไม่ได้เลยว่ากราฟิกดีไซน์ทุกยุคทุกสมัยชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นที่สุดในยุคปัจจุบันเราใช้แค่ Smartphone + Instagram ก็สามารถถ่ายภาพสวยๆออกมาได้แล้ว แต่ในสมัยก่อนนั้นไม่มีเครื่องมือเหล่านี้จะถ่ายรูปทั้งทีก็คงต้องพึ่งกล้องฟิล์มซึ่งการถ่ายภาพแต่ละครั้งควรที่จะต้องคิดหรือพิถีพิถันเพราะการกดชัตเตอร์ 1 ครั้งนั้นก็คือเงินที่เราจะเสียไปนั่นเอง

การวาดเส้นวาดภาพกราฟิกดีไซน์ยุคเก๋าจะวาดภาพหรือวาดเส้นทั้งทีปากกาดินสอต้องครบมือขาดไปเพียงอย่างเดียวคงต้องหากันวุ่น เทียบกับสมัยนี้เมาส์ปากกาอันเดียวบวกกับเครื่องมือของ Adobe Illustrator ก็เอาอยู่ทั้งงานแล้ว

Portfolio & Presentation การที่เราจะได้ทำงานเจ๋งๆนั้นแน่นอนว่าเราจะต้องทำการพรีเซ้นตัวเองเพื่อให้ลูกค้ารู้จักด้วย ซึ่งการทำ Portfolio & Presentation นั้นถือว่าสำคัญมากๆสำหรับกราฟิกดีไซน์ทุกยุคทุกสมัย แต่ถ้ามองย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อนไม่มีอินเตอร์เน็ตหรือเว็บไซต์ที่จะสามารถทำให้เราสร้างพื้นที่เพื่อโชว์ผลงานของตัวเองเลย ซึ่งเมื่อก่อนคงมีวิธีเดียวคือการสร้าง Portfolio & Presentation แบบ Handmade ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก กราฟิกดีไซน์รุ่นใหม่ๆมีทั้ง iPad หรือเว็บไซต์ที่เอาไว้สร้างสรรค์ Portfolio & Presentation สวยๆก็ลองหันกลับไปดูด้วยนะครับว่าสมัยก่อนนี้การลุนงานในสายออกแบบนั้นยากขนาดไหนและกราฟิกดีไซน์รุ่นใหม่ก็ควรพัฒนาและศึกษาความรู้ให้ไม่แพ้กราฟิกดีไซน์ยุคเก๋า

ทั้ง 8 ข้อสรุปได้เลยว่าการทำงานของทั้ง 2 ยุคนั้นอาจจะเหมือนกันบ้างแต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทุกอย่างถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง กราฟิกดีไซนรุ่นใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน แต่ยังไงก็ดีกราฟิกดีไซน์รุ่นเก๋าก็เก่งไม่น้อยที่ลุยมาได้จนถึงทุกวันนี้ จะรุ่นใหม่หรือรุ่นเก๋าเราก็ไม่แตกต่างกันเพราะเราคือ กราฟิกดีไซน์ หรือ นักออกแบบ เหมือนกันเราต้องพึ่งพากันและกันและช่วยกันพันฒนางานออกแบบของไทยให้ขึ้นไปเจ๋งในระดับโลกให้ได้

สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์หรืออยากทำงานเกี่ยวกับการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวยังไง เริ่มเรียนอะไรก่อนดี มาเตรียมความพร้อมกันเถอะ
สำหรับกราฟฟิกดีไซน์หรือเรขศิลป์ เป็นชื่อสาขาในคณะศิลปกรรม นฤมิตศิลป์ ในมหาลัยจุฬาและม.มหาสารคาม ส่วนมหาลัยอื่นๆ จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป
– ออกแบบนิเทศศิลป์ Communication Design คณะมัณฑนศิลป์ สาขานิเทศศิลป์ มหาลัยศิลปากร
– ออกแบบสื่อสาร Communication Design คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาลัยมศว.ประสานมิตร

การเรียนการสอนคล้ายๆ กันนะคะ ในปี1-2 จะให้สเก็ตมือฝึกคิดงาน ออกแบบโปสเตอร์ส,สื่อสิ่ง,Banner,ออกแบบคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูน รวมถึงการเขียนสตอรี่บอร์ดแล้วนำเสนอค่ะ(ได้เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พื้นฐาน) ส่วนในปี 3-4 จะได้ทำงานกับคอมพิวเตอร์มากขึ้น ได้เรียนรู้ในวิชาเฉพาะที่เราสนใจมากขึ้น เช่น อนิเมชั่น,งานโฆษณา,ออกแบบตัวอักษร,ทำปกหนังสือ เพื่อปูพื้นฐานไปในอาชีพที่เราอยากทำงานคะ

การเรียนในสาขานี้จะไม่ยากหรือเคลียดเหมือนสายวิทย์-คณิตหรือคำนวณ แต่ต้องขยันหาความรู้ใส่ตัวไม่ว่าจะเป็นทางอินเตอร์เน็ต,หนังสือ หรือตามงานนิทรรศการต่างๆ เพื่อให้ตัวเองมีความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดนะคะ และที่สำคัญต้องขยันทำงานส่งเพราะเรียนสาขานี้งานค่อนข้างเยอะพอสมควรคะ

ส่วนการสอบเข้ามหาลัยบางมหาลัยจะสอบแตกต่างกันนะคะ
– จุฬา สอบทักษะเรขศิลป์และทฤษฎีนฤมิตศิลป์ ใช้คะแนนGat และเกรดเฉลี่ยรวม 5 เทอม สอบช่วงเดือนกรกฏาคม
– ศิลปากร สอบปฏิบัติความถนัดวาดเส้น+ปฏิบัติความถนัดนิเทศศิลป์ และวิชาสามัญ สอบช่วงตุลาคม
– มศว สอบปฏิบัติความถนัดนิเทศศิลป์ และวิชาสามัญ สอบช่วงกันยายน (ควรมีพื้นฐานวาดเส้น)
– ลาดกระบัง สอบปฏิบัติความถนัดวาดเส้น+ปฏิบัติความถนัดนิเทศศิลป์ และวิชาสามัญ สอบช่วงพฤศจิกายน

น้องๆ คนไหนที่อยากเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ควรเริ่มเตรียมตัวได้แล้วนะจ๊ะ โดยเฉพาะน้องๆ ม.5 แนะนำว่าควรมีพื้นฐานวาดเส้นมาก่อนนะคะ

ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนอกจากจะเปลี่ยนตามความจำเป็นของสภาพครอบครัวแล้ว สิ่งสำคัญเป็นอย่างมากที่จะเป็นตัวกำหนด คือรสนิยมซึ่งเป็นตัวกำหนดหลักการของการตกแต่งให้ออกมารูปแบบต่างๆ เดิมอาจชอบเปิดโล่งที่มีพื้นที่ต่อเนื่องกันได้ทั้งบ้าน โดยไม่มีผนังมากั้นกลาง ภายหลังเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจึงต้องการมีห้องที่มีลักษณะปิดกั้นจากภายนอก หรือเดิมชอบบ้านแบบเรียบๆ มีของตกแต่งเท่าที่จำเป็น แต่กลับมาชอบการตกแต่งที่สมบูรณ์แบบ มีภาพแขวนบนผนัง มุมว่างจัดวางไว้ด้วยประติมากรรม หน้าต่างและประตูทุกบานติดม่านจับจีบ ซึ่งความต้องการเหล่านี้อาจจะต้องทำให้มีการกั้นห้องหรือรื้อผนังออกไปเพื่อความเหมาะสมของการตกแต่ง

การสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพื่อประโยชน์และความงามทางศิลปะและหลักการจัดส่วนประกอบของการออกแบบมาใช้ รวมไปถึงการปรับปรุงของเดิมที่มีอยู่แล้วดัดแปลงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนั้นการสร้างสิ่งใดๆก็ตามสิ่งแรกจะต้องเริ่มด้วยการออกแบบ  อาจจะออกแบบโดยความคิดหรือมีความคิดอยู่ในสมอง ซึ่งเป็นแนวคิดของผู้สร้างเพียงคนเดียวและสามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ ซึ่งก็เป็นการออกแบบเหมือนกันแต่อาจจะไม่สมบูรณ์นัก การออกแบบที่ถูกต้องจะต้องสามารถให้มองเห็นแบบ  อาจจะเป็นภาพหรือแบบจำลองที่มีขนาดสัดส่วนให้สามารถมองเห็นผลงานที่จะสร้างได้อย่างชัดเจน จุดมุ่งหมายของการออกแบบมุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลักแต่ต้องคำนึงถึงความงามควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้เกิดความประทับใจ รวมทั้งมีการเลือกวัสดุที่เหมาะสมและประหยัด พื้นฐานที่ใช้ในการออกแบบประกอบด้วยเส้น แสง เงา สี ช่วงจังหวะ ลักษณะพื้นผิว รูปร่าง รูปทรง รวมทั้งความสมดุล มีเอกภาพ มีความเคลื่อนไหวของวัสดุให้ถูกทิศทาง และมีสัดส่วนที่เหมาะสม

เนื่องจากงานด้านการออกแบบภายในกำลังเติบโตอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจก่อสร้างและค้าขาย ดังนั้นการวางแปลนพื้นที่ว่าง การก่อสร้างภายใน และการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์จึงเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการเข้าไปทำงานในสายงานที่กำลังเติบโตขึ้นนี้อย่างได้เปรียบ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบตกแต่งภายใน ผนวกกับหลักการดำเนินธุรกิจที่สามารถนำไปใช้ในงานออกแบบตกแต่งภายใน การออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน การออกแบบสวน การออกแบบหน้าร้านและนิทรรศการ การใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ

กราฟิก ดีไซน์เนอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้กระบวนการออกแบบและผลิตงานสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยเรียนรู้ขั้นตอนการออกแบบงาน Graphic Design ชนิดต่างๆทุกกระบวนการ ผู้ที่เรียนจบหลักสูตรจะสามารถประกอบอาชีพในสายงานที่อยู่ในสำนักพิมพ์จัดทำหนังสือ หรือนิตยสาร งานวารสารและจุลสารซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ภายในองค์กร เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารก็สามารถทำได้ ดังนั้นนอกจากนี้ยังมีอีกหลายด้านอาชีพที่สามารถศึกษาต่อได้ คือ ด้านการสร้าง Web site, ด้าน Animation จะเป็น 2D หรือ 3D หรือแม้กระทั่งด้านกราฟิกขั้นสูงต่อไป เพราะที่ผ่านมาสาขากราฟฟิกดีไซน์ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงอย่างมาก ในเรื่องของการพัฒนาและผลิตนักเรียนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงออกมายังตลาดแรงงาน นี่จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการทำความรู้จักให้ดียิ่งขึ้นกับอุตสาหกรรมมัลติมีเดียและการออกแบบที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

สาขานี้เป็นสาขาที่หลักสูตรมีความยืดหยุ่นและเต็มไปด้วยความหลากหลาย สำหรับผู้ที่ต้องการจะทำงานในอุตสาหกรรมแห่งการสร้างสรรค์และเต็มไปด้วยวัฒนธรรมความแปลกใหม่ และเหมาะกับผู้ที่ต้องการความรู้ที่กว้างขวางในสาขาศิลปะ,สื่อและการออกแบบโดยความต้องการในสาขานี้กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และกำลังจะมาบรรจบกันทั้งในระดับสากล, ระดับประเทศ และระดับอุตสาหกรรมหลักอย่างรวดเร็ว โดยสาขานี้เป็นหลักสูตรเดี่ยว สอนครอบคลุมเพื่อเตรียมพร้อมคุณทั้งในวิชาทั่วไปและการจัดการในโลกอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์ หรืออาจจะพัฒนาคุณในกลายเป็นศิลปินที่มีความสามารถระดับสากล ด้วยการสร้างทักษะพื้นฐานที่หลากหลาย คุณจะได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้ทฤษฎีและปฏิบัติที่ครอบคลุมทั้งวิจิตรศิลป์, การออกแบบ, การตลาดเชิงผลิตภัณฑ์และสื่อต่างๆ

ปัจจุบันมีนักออกแบบกราฟิกมากมายในสังคม กระจายอยู่ในองค์กร กลุ่ม สถาบัน หรือทำงานตามลำพัง รวมไปถึงทัศนคติทางการออกแบบ รูปแบบการทำงาน สื่อที่ใช้ล้วนแล้วแต่มีความหลากหลายอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางโครงการสนใจที่จะรวบรวมมุมมองหรือนิยามจากคำถามกว้างๆเพื่อเป็นการรวบรวมและสะท้อนให้เห็นความหลากหลายนั้นอันจะก่อให้เกิดการร่วมกันมองเห็นภาพรวมของวิชาชีพนี้ได้ชัดเจนขึ้น มุ่งเน้นที่จะพัฒนาแนวความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบงานกราฟิก ทั้งทางทฤษฏีและปฏิบัติ เริ่มด้วยพื้นฐานทางศิลปะ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึงทักษะทางเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ทันสมัย มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์เนอร์ แอนนิเมชั่น ภาพนิ่ง การถ่ายวีดีโอ รวมไปถึงงานกราฟิกอื่นอีกมากมาย ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายอาชีพ

ลองมองรอบๆตัวคุณสิว่า มีอะไรบ้างที่เป็นกราฟฟิกดีไซน์บ้าง เช่น ขวดน้ำที่มีฉลากโลโก้สินค้า, กรอบรูปที่คุณโปรด, หน้าปกหนังสือที่มีสีสัน ฯลฯ ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาโดยการออกแบบทางศิลปะที่เรียกว่า กราฟฟิกดีไซน์ กราฟฟิกดีไซน์ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ทเสมอไปดังที่ยกตัวอย่างข้างต้น ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่ากราฟฟิกดีไซน์มักจะทำในโลกอินเตอร์เน็ทเท่านั้น เช่น การออกแบบหน้าเว็บไซท์ให้สวยงาม ซึ่งเห็นได้ทั่วไปจนชินตา มาดูกันว่าการเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ที่ดีควรทำอย่างไร

1. อย่ากังวลว่าผลงานตัวเองห่วย เพราะการที่คุณคิดว่าผลงานของคุณห่วย นั่นคือคุณได้ดึงเส้นด้ายจินตนาการของคุณขาดไปแล้ว
2. สร้างความมั่นใจในผลงานของตน คล้ายๆกับข้อที่หนึ่ง ดูเหมือนง่าย แต่ความจริงยากมาก เวลาคุณทำงาน อย่าสร้างความเครียดให้กับตนเอง แต่ให้คิดว่าคุณกำลังสนุกกับการทำงาน เรียกวิธีนี้ว่า “Enjoy your Imaginations”
3. ไม่ควรคิดหักโหมกับจินตนาการ เพราะงานดีไซน์ของคุณจะออกมาไม่ดี ควรไปพักผ่อนให้สมองผ่อนคลายลง เพราะงานดีไซน์ที่ดีไม่ได้มาจากกำลังสมอง แต่มาจากอารมณ์ของคนคิด ดังนั้นพักถ้าคุณคิดว่าไม่ไหว ลองดื่มน้ำเย็นๆสักแก้วแล้วนั่งฟังเพลงหรือดูทีวีก็ได้!
4. จินตนาการอยู่ทุกที่ บางเวลาถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน ลองหลับตาแล้วฟังเสียงของสายลมดู ลองจินตนาการตามที่คุณได้เห็นภาพเมื่อคุณหลับตา แล้วลองคิดออกแบบตามหลักของนักดีไซน์เนอร์ดู บางทีผลงานขอบคุณออกมาอาจจะดีเกินที่คาดคิดไว้
5. ไม่ควรขี้เกียจ อันนี้สำคัญ เพราะนักดีไซน์เนอร์ส่วนใหญ่มักจะส่งงานให้เจ้านายหรือผู้รับจ้างล่าช้าเสมอ บ้างก็อ้างว่า คิดงานไม่ออก หรือไม่ก็ งานเยอะ พอไปดูเบื้องหลังกลับเห็นนั่งเล่นเกมส์ หรือไม่ก็ดูภาพยนต์ ลองปรับพฤติกรรมเล็กน้อยในชีวิตประจำวันดู
6. สมุดพก จะสมุดอะไรก็ได้ มีเส้นหรือไม่มีก็ได้ แต่ขอให้พกติดตัว เวลาคุณคิดอะไรได้ขึ้นมา หรือนั่งเหม่อลอยอยู่จู่ๆก็มีความคิดพุ่งขึ้นมาแล้วคุณคิดว่าควรเก็บไว้ จดมันลงในสมุดนั้นเลย บางทีคุณอาจจะได้ใช้มันในอนาคต

การเลือกสีมาใช้ในการออกแบบเนี่ย ถือว่าเป็นกุญแจที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการสร้าง Brand identity หรือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ ในการสร้างแบรนด์นั้นเราจำเป็นต้องมีเอกลักษณ์ มีจุดเด่นที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆที่อยู่ในแวดวงการทำงานเดียวกัน แบรนด์เป็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการ

แบรนด์สามารถสื่อได้ถึงบุคลิกลักษณะของบริษัท เป้าหมายของบริษัท ข้อความที่บริษัทต้องการสื่อถึงลูกค้า หลักการของบริษัท และแม้กระทั่งภาระกิจของบริษัทที่ต้องทำ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกันกับการเลือกใช้สีสำหรับแบรนด์ของคุณด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นเวลาคุณทำสื่อโฆษณาสักตัว ออกแบบเว็บไซต์ขององค์กร ออกแบบโลโก้ หรืออะไรก็แล้วแต่ สีที่เราเลือกใช้แต่ละสี ก็จะให้อารมณ์ ให้แนวคิดที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น “สี” จึงจำเป็นมากๆสำหรับคุณครับ คุณต้องรู้ว่า “สีไหนที่เหมาะกับองค์กรของคุณ”

สีทุกสีมีความหมายที่แตกต่างกัน และก็ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยด้วยครับ วันนี้เราจะมาดูกันว่าแล้วถ้าเราจำเป็นต้องเลือกสีมาใช้ในการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ของเรา

1. เลือกสีที่บรรยายความเป็นตัวตนของแบรนด์ของคุณที่มากที่สุดสีที่เราเลือกใช้ควรบอกได้ทันทีว่า “เราเป็นใคร” เมื่อลูกค้าเห็นเค้าสามารถรู้ได้เลยว่าธุรกิจของเรานั้นเข้มแข็ง จริงจัง ซับซ้อน สนุกสนาน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณอยากจะเป็น ดังนั้นพยายามเลือกใช้สีที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของตัวเองให้ได้มากที่สุด

2. รู้หลักจิตวิทยาของสี หลังจากที่เลือกสีได้แล้ว คุณต้องมั่นใจนะครับว่า ได้เลือกสีที่ถูกต้อง ตรงกับข้อความที่ต้องการสื่อออกไป ใช่แล้วครับ คุณเองก็จำเป็นต้องมีความรู้ที่ดีเกี่ยวกับความหมายของสีที่คุณเลือกด้วย ถ้าเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเงิน มักจะเลือกใช้สีน้ำเงินเพื่อแสดงถึงความคู่ควรแก่การไว้วางใจ เว็บ social media ก็ใช้สีน้ำเงินเพื่อสื่อถึงมิตรภาพ องค์กรที่เกี่ยวกับสตรีก็จะใช้สีชมพู ส่วนสีเขียวมักจะถูกเลือกใช้เพื่อสื่อสารถึงแนวคิดเกี่ยวกับความรุ่งเรือง เงินตรา และสิ่งแวดล้อม จริงๆแล้ว มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับหลักจิตวิทยาของสีแต่ละสี “เลือกให้ถูกต้องกับแบรนด์ของคุณนะ

3. เลือกสีที่ให้ความหมายด้านบวก มันสำคัญมากๆ ที่สีของคุณต้องสร้าง impact ในด้านบวกให้กับองค์กรของคุณครับ จำไว้เสมอว่าจิตวิทยาของสีนั้นสำคัญเพียงไร สีที่คุณเลือกใช้ก็คือข้อความที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่คุณสื่อไปยังลูกค้า การใช้สีแดงสำหรับบริษัทจัดดอกไม้ ให้ความรู้สึกด้านบวก เพราะเป็นสีของกุหลาบแดงแห่งความรัก แต่ถ้าเลือกใช้สีดำสำหรับบริษัทของเด็กเล่น ก็อาจจะไม่ได้ให้ impact ด้านบวกสักเท่าไหร่นัก เพราะว่า มันไม่ค่อยจะดึงดูดบรรดาเด็กๆนั่นเอง

4. เลือกสีที่ให้อารมณ์และความรู้สึกที่ถูกต้องกับแบรนด์บอกลูกค้าไปเลยครับว่าถ้าลูกค้าร่วมงานกับคุณ เค้าจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าบริษัทของคุณ มี high enery คุณสามารถเลือกใช้สีที่สว่าง ดูมีชีวิตชีวา เช่น สีส้ม สีเหลือ และสีแดง ก็ได้ครับ อย่างที่บอกไปว่า สีทุกสีให้ความหมายที่แตกต่างกัน และแน่นอน มันก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วยครับ คุณจำเป็นต้องเลือกสีที่ถูกต้องในการสร้างอารมณ์ตอบกลับ ของผู้พบเห็นให้ได้ครับ ถ้าบริษัทของคุณเป็นบริษัทเป็นงานค่อนข้างจะซับซ้อน การเลือกใช้สีเช่นสีแดงม่วงเข้มอมน้ำตาล (maroon) ก็สามารถสื่อถึงความซับซ้อนได้

ในปัจจุบันนี้งานกราฟิกดีไซน์เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากมีผู้คนสนใจที่จะใช้บริการออกแบบเว็บไซต์ เพื่อเป็นช่องทางในการทำธุรกิจหรืออื่นๆ จึงทำให้งานด้านกราฟิกดีไซน์เป็นงานได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ดังนั้นผู้ที่เป็นกราฟิกดีไซน์ จึงจำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.ขยันฝึกฝนอยู่บ่อยๆการที่จะมีความชำนวญในการใช้โปรแกรมต่าง ๆ จะต้องมีการฝึกฝนเป็นประจำ โดยอาจจะไม่ต้องเก่งหลายโปรแกรมก็ได้ แต่จะต้องรู้ลึกรู้จริงในโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่งในการฝึกฝนนั้นสามารถทำได้
– โดยฝึกตามแบบ เป็นการฝึกตามหนังสือ ซึ่งเหมาะสำหรับการฝึกในระยะแรกเริ่มเป็นก้าวแรกในการฝึกฝน เพื่อนำไปพัฒนาต่อไป
– ฝึกตั้งโจทย์ โดยตั้งโจทย์จากเครื่องมือ โดยเลือกภาพขึ้นมาภาพหนึ่ง แล้วฝึกแต่งภาพนั้นแบบฟรีสไตล์ตามแต่จินตนาการ
– ฝึกเลียนแบบ โดยทำภาพเลียนแบบงานของคนอื่นให้เหมือนที่สุด แต่ใช้คนละเทคนิคให้ได้ภาพออกมา เหมือนกัน ในส่วนนี้จะต้องมีความรู้ ความชำนาญในการใช้เครื่องมือและฟังก์ชั่นต่าง ๆ ก่อน แล้วค่อยประยุกต์ และดัดแปลงด้วยตนเองได้
2.คิดสร้างสรรค์ ให้แตกต่างและแปลกใหม่ ซึ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ จะสื่อสารอย่างไรให้ สะดุดตา สะดุดใจ โดยจะต้องหาแรงบันดาลใจจากสิ่งรอบ ๆ ตัว เพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ
3.เซ็ทค่าเอาท์พุตให้สวย โดยการทำกราฟิกจะต้องมีความรู้เรื่องการเซ็ทค่าเอาท์พุตให้สามารถแสดงสีออกมา ได้สวยงามเช่นเดียวกับที่เห็นหน้าจอมอนิเตอร์
4.สนใจความเป็นไปรอบตัว การเป็นคนทันยุค ทันเหตุการณ์จะช่วยให้สามารถเสริมลูกเล่นต่าง ๆ เข้าไปในงานได้ ทำให้งานนั้นดูขึ้นฉะนั้นเมื่อทำการออกแบบเสร็จแต่ละครั้งจะต้องทดลองกับโปรเจ็กเตอร์จริง ๆ ก่อน
5.กล้าที่จะลอง เพราะเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วดังนั้นการลองใช้ Software ใหม่ ๆ ที่มีการ Update อยู่เสมอจะทำให้ได้ใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ในการพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้น

ดังนั้นการที่จะเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ที่ดีนั้นควรจะมีคุณสมบัติดังกล่าว เพื่อใช้ในการทำงานและพัฒนาผลงานกราฟิกของตนเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับตนเองได้เป็นอย่างมาก